วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0



1.สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง

ประเภทของ Media โดยทั่วไปมีอยู่ 4ประเภท คือ

1. OWNED MEDIA เป็นมีเดียที่ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของ เช่น เว็บไซต์ บล๊อก สื่อที่เป็นของเราเอง

2. PAID MEDIA เป็นสื่อที่เราจะต้องจ่ายเงินซื้อ เช่น แบรนเนอร์ สปอนเซอร์

3. EARNED MEDIA เป็นมีเดียที่ผู้บริโภคเป็นเจ้าของ เช่น Facebook

4. SOCIAL MEDIA เป็นเข้าสังคมกับลูกค้า มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อให้ลูกค้าพูดถึงเราในแง่ดี

Social media ถูกสร้างขึ้นมาในคอนเซปต์ของคำว่า ปากต่อปาก ไม่ว่าจะเป็นการคุยโทรศัพท์ เฟชบุ๊ค ทวิชเตอร์ อิทธิพลการทำการตลาดแบบปากต่อปาก เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ต่างๆ ดังนี้

1. Globolization Interdependence   ผู้ที่มีความคิดในเรื่องความเท่าเทียมกัน ทุกคนเป็นประชากรโลกเท่าๆกัน

2. Control of media; customer is publisher   ผู้บริโภควันนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านความคิดเห็นต่อสินค้า อยากออกแบบสินค้าเห็นแบบที่ตนต้องการ ซึ่งอาจเผยแพร่ทางด้านโทรศัพท์ ต่างจากเมื่อก่อนที่รอดูข้อมูลสินค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งผู้บริโภควันนี้มีการแบ่งปันข้อคิดเห็นของตนแก่สาธารณะได้อย่างรวดเร็ว 

3. Conversations generate exposure, sales    การพูดคุยโต้ตอบระหว่างลูกค้าเพื่อที่จะสามารถขายสินค้านั้น

4. Transparency – open source    ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกอย่างเปิดกว้าง ต้องมีความโปร่งใส ความจริงใจ นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น การนำข้อมูลของผู้อื่นมาใช้ต้องมีการให้ credit

5. Collaboration rules การอาศัยความร่วมมือของผู้บริโภค

6.People use technologies to get thing that they need from each other, rather from corporations บุคคลทั่วไปจะใช้เทคโนโลยีในการแสวงหาข้อมูลหรือซื้อสินค้า แต่การหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อของบุคคลเหล่านั้นจะฟังจากบุคคลอื่นมากกว่าการฟังจากผู้ประกอบการ


การสร้างการตลาดด้วย Electronic Commerce ทำให้เราสามารถเปลี่ยนรูปแบบของเราเองได้ทั้งหมด ทำให้ผู้บริโภคมีการติดต่อ พูดคุยระหว่างผู้ผลิตมากขึ้น การที่จะทำให้คนที่ยังไม่ให้ความสนใจในสินค้าเราเกิดความสนใจในสินค้าเรานั้นมีความสำคัญ เราจะต้องหาวิธีให้เขาสนใจด้วยวิธีการต่างๆ ใน
ยุคที่มีการนำ Social media มาใช้ประโยชน์ เราต้องการทำให้ผู้บริโภคมามีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้าของเรา 



2.หาคำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย เพื่ออธิบายคำศัพท์ดังกล่าว อย่างน้อย 20 คำ


Viral Marketing   เป็นรูปแบบการทำการตลาดแบบปากต่อปาก ซึ่งจะบอกต่อกระจายออกไป ไวอย่างกับไวรัสที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว


Evangelists Marketing   การสร้างสาวกให้เลื่อมใสศรัทธาจนเกิดกระแสการบอกต่อได้


Grassroots Marketing   เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งสร้างให้ลูกค้าเกิดการบอกปากต่อปาก โดยการเข้าถึงระดับรากหญ้าซึ่งเป็นระดับท้องถิ่น


Influencer Marketing   การตลาดแบบใช้ “ผู้ทรงอิทธิพล” โดยมีวัตถุประสงค์ทางการตลาด คือ การชักจูง โน้มน้าว จูงใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มาสนใจในตัวสินค้าต่างๆ หรือต้องการสร้างกระแสให้มีการพูดถึงและบอกต่อเกี่ยวกับตัวสินค้าออกไปในวงกว้าง


Buzz Marketing   กลยุทธ์ในการสร้างสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จัและเกิดความต้องการในลักษณะของ การบอกต่อแบบปากต่อปาก


Community Marketing  กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่มักจะนิยมและนำไปใช้ในการสร้างกลุ่มมวลชน



Cause Marketing  คือ การเชื่อมธุรกิจของคุณเข้ากับองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร (NGO) หรือองค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่ง เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจ และมอบสิ่งดีๆกลับคืนสู่สังคมไปด้วยพร้อมๆกัน


Referral Programs โปรแกรมบอกต่อ เพื่อรับโบนัส


Social network  สังคสแห่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสสารผ่านทางระบบเครือข่าย


Social media  สังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร เขียนเล่าเนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่ายของตน


OWNED MEDIA  เป็นมีเดียที่ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของ 


PAID MEDIA  เป็นสื่อที่เราจะต้องจ่ายเงินซื้อ


EARNED MEDIA  เป็นมีเดียที่ผู้บริโภคเป็นเจ้าของ 


Marketplace   ตลาดกลางรวบรวมสินค้าและร้านค้าหรือบริษัท จำนวนมาก เพื่อเป็นสื่อ
กลางในการซื้อ-ขายสินค้าระหว่างกัน

Open source คือ การเปิดรับข้อมูลต่างๆ การรับฟังความคิดเห็น

Conversations การสนทนาที่มีการโต้ตอบ

Consumer is Publisher คือ การที่ผู้บริโภคเป็นผู้เผยแพร่สื่อ จ้อมูล ข่าวสารต่างๆ

Product offering คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์

Brand awareness คือ การทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความตระหนักและรับรู้ต่อคุณค่าของ brand  

Involvement  การทำให้คนมีส่วนร่วม  

Commitment  คือ ความมุ่งมั่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น