วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์ประเด็นปัญหาต่อไปนี้

สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร


การเติบโตของธุรกิจ E-commerce ในประเทศไทยค่ิอนข้างต่ำเนื่องมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการชำระเงิน การเข้าถึงสินค้าและบริการ ปัญหาทางอุปนิสัยสัยของคนไทยในการซื้อสินค้า ปัญหาด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงการจัดทำเว็บไซต์ของผู้ขายสินค้า

-  ปัญหาด้านการชำระเงิน  เป็นปัญหาหลัก เนื่องจากคนไทยไม่นิยมใช้บัตรเครดิตการ์ด และสินเชื่อของไทยยังไม่เข้าสู่การบริการออนไลน์อย่างสมบูรณ์ ทำให้ผู้บริโภคไม่สะดวกในการชำระเงิน หรือไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเงินที่ชำระไป
-  ปัญหาด้านการเข้าถึงสินค้า  เนื่องจากสินค้าที่บริโภคต้องการมักจะมีขายอยู่ในบริเวณที่บริโภคอาศัยอยู่แล้ว ไ่ม่ว่า่จะเป็นห้างร้านต่างๆ หรือร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ก็มีมากมาย การที่ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต มักจะเป็นสินค้าที่ไม่สามารถหาซื้อบริเวณใกล้เคียงได้ ดังนั้น การจะให้ผู้บริโภคซื้อขายผ่าน Internet ได้ จึงต้องมีความแตกต่างกับการซื้อขายในห้างร้านทั่วไป
- อุปนิสัยของคนไทย  การที่คนนิยมบริโภคสินค้าราคาถูก ทำให้เกิดการเปรียบเทียบราคา ถ้าสินค้าที่สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตแพงกว่า ก็จะหันไปซื้อสินค้าในบริเวณใกล้เคียงที่ตนอาศัย ซึ่งสินค้าออนไลน์จะมีราคาแพงกว่าเนื่องจากสินค้านั้นต้องรวมค่าจัดส่งเข้าไปด้วย
อีกประการหนึ่งคือคนไทยต้องการเห็นหรือสัมผัสกับสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ
-  ปัญหาด้านการเข้าถึงเทคโนโลยี  เนื่องจากเทคโนโลยีในประเทศไทยยังมีการครอบคลุมไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ บางสถานที่ก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ ทำให้ไม่สามารถซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ได้
- การจัดทำเว็บไซต์   เว็บ E-commerce ส่วนใหญ่มักต้องการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว ยัดเยียดให้ลูกค้าซื้อ คนที่เข้ามาในเว็บไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับไป  เว็บไซต์ที่ดีต้องไม่เป็นเพียงแค่จะเอาเงินจากลูกค้าเพียงอย่างเดียว เราต้องให้อะไรกับลูกค้าด้วย ลูกค้าก็จะกลับเข้ามาซื้อสินค้าของเราเองในภายหลัง ซึ่งในส่วนนี้ อาจจะเป็น เรื่องของบทความภายในเว็บ รายละเอียดของสินค้า ราคา ข้อเปรียบเทียบเช่น หากเราขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ถ้าลูกค้าประสบปัญหา ไม่รู้จะเลือกยี่ห้อในดี เปรียบเทียบ สินค้า อะไรดี ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในเว็บเลย คนก็จะเข้ามาดูเว็บไซต์เรา ถึงอาจจะไม่ใช่ลูกค้า แต่เมื่อเขาต้องการซื้อสินค้าจริง ๆ เว็บที่เขาไปอ่านหาข้อมูลบ่อย ๆ จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนเหล่านี้เข้ามาซื้อสินค้านั้นเอง



ปัจจัยที่จะทำให้ระบบการค้าขายในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ

ทำธุกิจ E-commerce ประสบความสำเร็จต้องมี 5P ดังต่อไปนี้
1. ผลิตภัณฑ์ (Product) 

สินค้าที่ขายต้องเป็นที่สนใจของลูกค้า แต่ถ้าหากสินค้าไม่เป็นที่น่าสนใจ ก็ไม่สามารถทำให้ธุกิจประสบความสำเร็จได้ จึงต้องมีการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าและกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน

2. ราคา (Price) 

ควรตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า มีการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่งอยู่เสมอ และการตั้งราคาต้องมีการ   คำนวนราคาต้นทุนและกำไรอย่างรอบคอบ

3.ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) 

การตั้งชื่อร้านค้าหรือการจดโดเมนเนมเป็นสิ่งที่สำคัญ  ควรเป็นชื่อที่ดีและจดจำง่าย เพื่อลูกค้าจะได้จำชื่อร้านเราได้ง่ายและเข้ามาใช้บริการบ่อยๆ

4. การส่งเสริมการขาย (Promotion) 


การส่งเสริมการขายบนเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นการจัดชิงรางวัล การให้ส่วนลด รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกสินค้าให้ได้มากที่สุดและตรงกลุ่มเป้าหมายที่สุด

5.การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy)


การซื้อขายผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ซื้อต้องมีการกรอกข้อมูลส่วนตัวของตนส่งไปให้ผู้ขาย ดังนั้น ผู้ขายจะต้องรักษาความลับของข้อมูลเหล่านี้ โดยต้องไม่เผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าก่อนได้รับอนุญาต ผู้ดูแลเว็บไซต์จำเป็นต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ว่า ข้อมูลเหล่านี้จะต้องไม่ถูกโจรกรรมออกไปได้ และดูแลอย่างเคร่งครัด


นอกจากองค์ประกอบของ 5Pแล้ว การสร้างเว็บไซต์ขายของก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ E-commerce ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน โดยเว็บไซต์ควรประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้

- customer reviews   เพื่อเป็นการให้ลูกค้าเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าของเราว่าดีจริงหรือป่าว ถ้ามีลูกค้ามาแสดงความคิดเห็นว่าสินค้าของเราดีจริง จะทำให้ลูกค้าท่านอื่นเชื่อมั่นในสินค้าของเรา


- shopping widgets   เป็นระบบที่มีไว้สำหรับให้ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ช้อปปิ้ง สามารถตั้งค่าเลือกดึงรายการสินค้า หรือจากหมวดหมู่สินค้าในเว็บไซต์เพื่อนำไปโปรโมทหรือแสดงบนเว็บไซต์ที่รองรับ Code Widget  ทำให้ผู้ขายสามารถนำสินค้าของตนเองไปโปรโมทในเว็บไซต์อื่นที่ตนเองเป็นสมาชิกหรือเจ้าของได้ เป็นการเพิ่มช่องทางในการขายสินค้าให้มากขึ้น

- Q&A   คือการตั้งคำถามคำตอบ  เมื่อลูกค้ามีคำถามก็สามารถหาคำตอบได้จากช่องทาง Q&A ที่มีการรวบรวมคำถามยอดนิยมที่มีคนถามเยอะๆ เพื่อให้ไวต่อการหาคำตอบที่ลูกค้าต้องการ

- Facebook, Twitter  ก็มีส่วนช่วยในการขายสินค้า เช่นการสร้างแฟนเพจในเฟชบุ๊ค ทำให้ลูกค้าเข้าไปติดตามข่าวสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น ส่วนลด กิจกรรมต่างๆ

-  การเขียน Blog  เพื่อ
นำข่าวสาร รูปภาพ หรือวิดีโอ เกี่ยวกับสินค้ามาไว้ในบล็อกเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาดู เข้ามาติดตามได้  และใช้ในเรื่องการติดต่อกับลูกค้า สามารถเข้ามาโพส หรือพูดคุยเกี่ยวกับสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  นอกจากบล็อกจะช่วยส่งเสริมการขายแล้วยังช่วยให้ติดอันดับต้นๆใน search engine แต่ต้องมีการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ

- Video sharing   เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นภาพถึงข้อดีหรือปัญหาเกี่ยวกับสินค้าหรือการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ




--------มีข้อคิดเห็นใดเสนอแนะได้นะครับ เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติม----------

12 ความคิดเห็น:

  1. ดีมากค่ะสาระดีครบถ้วนมีประโยชน์ค่ะ

    ตอบลบ
  2. เนื้อหามีสาระ มีใจความสำคัญเยอะดีค่ะ มีประโยชน์ต่อผู้อ่านมากๆ ค่ะ

    ตอบลบ
  3. ถ้าอยากประสบความสำเร็จกับธุรกิจ E-commerce น่าจะทำธุรกิจใดเหมาะสมที่สุดอะคะ ?

    www.businessthanya.wordpress.com

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. การขายของที่แตกต่างจากผู้อื่น ก็น่าจะส่วนช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้นะครับ ถ้าเราขายของที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ลูกค้าจะหันไปซื้อตามท้องตลาดมากกว่า เพราะจ่ายเงินไปก็ได้สินค้ามาเลย ไม่ต้องรอเวลา ไม่เสียค่าจัดส่ง ส่วนตัวคิดว่าขายสินค้าแฮนด์เมดก็ดีนะครับ เพราะทำจากฝีมือของเราเอง ทำให้คนมีความสนใจ และหาซื้อยากตามท้องตลาดทั่วไป
      คุณ ธัญญา ปัทมโรจน์ มีความคิดเห็นอย่างไรครับ

      ลบ
  4. เนื้อหาดีมากค่ะ เข้าใจง่าย สามารถที่จะนำไปเป็นแนวทางในการทำธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง

    -แม้ปัจจุบันภาพรวมของการสื่อสารผ่านเครือข่ายออนไลน์จะได้รับความนิยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในทางตรงกันข้ามกลับปรากฎว่า ยอดการทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็คทรอนิกส์ดังกล่าว กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

    -อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงลักษณะทั่วไปของธุรกิจ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีสัดส่วนของธุรกิจขนาดเล็ก(มีคนทำงานไม่เกิน 5 คน) มากที่สุด คือ ร้อยละ 68.5 และเป็นการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาคธุรกิจกับผู้บริโภค(B2C) ร้อยละ 73.3

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณสำหรับความรุ้เพิ่มเติม

      ลบ
  5. เนื้อหาดีครับ มีการแทรกความรู้เพิ่มเติมด้วยเหมาะกับการค้นคว้าเพิ่มเติมมาก

    ตอบลบ
  6. ตกแต่งได้สวยดี เิริ่ดดดด เนื้อหาดีค่ะ

    ตอบลบ
  7. เนื้อหาเยอะดีนะค่ะ เข้าใจง่ายดี

    ตอบลบ
  8. เนื้อหาในภาครวมก็ถือว่ามีความเข้าใจง่าย เหมาะแก่การหาความรู้เพิ่มเติม

    ตอบลบ
  9. อ่านแล้วเข้าใจง่าย มีภาพประกอบ

    ตอบลบ